
เมื่อการนอนน้อยทำให้จิตใจไม่ปกติ การควบคุมอารมณ์ไม่สามารถทำได้ดีทำให้ผมขาดสติ
ผมเกิดมีเหตุโต้เถียงกับผู้ที่นำรถมาจอดข้างๆกันเมื่อเช้านี้ มีเหตุให้ผู้ขับที่เป็นสตรีคนนึงลงมาชี้หน้าด่าผมใหญ่ ผมก็โมโหมากเดินไปที่รถเธอเพื่อจะชี้หน้าเธอบ้าง
แต่ด้วยความที่เธอเปิดกระจกรถที่ติดฟิล์มมืดลงมาเพื่อทะเลาะกับผม ทำให้ผมเห็นเด็กหญิงคนนึงที่กำลังจะไปสอบเข้าชั้นมัธยม ตกใจและเริ่มเอามือปิดหน้า และกำลังจะร้องไห้
สติที่ขาดไป กลับมาทันที (ตายห่ะ)แล้วนี่เราทำอะไรลงไป เด็กเค้ากำลังจะมาสอบ เค้าคงสะเทือนใจที่เห็นแม่ทะเลาะกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จิตใจของเธอจะเป็นอย่างไร เธอจะพร้อมที่จะสอบไหม
ผมเดินออกมาจากจุดนั้นทันที ไม่อยากถามหาความถูกต้องอันเป็นมูลเหตุของการทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่มีความถูกต้องอันใดสำคัญกว่า ความรู้สึกของเด็กหญิงคนนั้น
ผมเสียใจ รู้สึกผิด ที่ไม่มีสติ ไปทะเลาะกับใครก็ไม่รู้แล้วสร้างปัญหาให้กับเด็กในวันสำคัญของเธอ จิตใจผมเหมือนมีโคลนกระเด็นมาติด ไม่หรอก ผมป้ายโคลนนั้นให้ตัวเองต่างหาก ใจผมขุ่นมัวมาก พยายามลืมเรื่องนี้เท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกแย่กับตัวเองเหลือเกิน
สักพักนึงผมก็คิดว่า ผมควรจะหาทางขอโทษเค้าให้ได้ดีกว่า แต่จะทำอย่างไรดี ผมเลยตัดสินใจกลับไปที่รถของเธอ และเขียนโน็ตติดไว้ที่รถ บอกว่า “ผมผิดเอง ผมทำให้ลูกสาวของคุณสะเทือนใจ ผมไม่เห็นว่ามีลูกสาวมาด้วยในตอนแรก ผมหวังว่าลูกสาวของคุณคงจะทำข้อสอบได้ ผมขออภัยด้วยครับ”
ผมรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมากแต่ก็เป็นบทเรียนให้ผมใช้สติให้มากขึ้น
ผมพบว่า บางทีการที่เรายอมรับความผิด ยอมขอโทษ ไม่หลบหน้า มันเหมือนน้ำยาล้างใจที่ชำระขี้โคลนที่ผมป้ายตัวเองออกไปได้ แต่ น้ำยาล้างใจก็ไม่ใช่ น้ำยาลบความผิด เพราะ ความผิดนั้นจะติดอยู่กับผมตลอดไป แต่มันก็พอที่จะทำให้จิตใจผมสดใสขึ้นมาได้บ้างเท่านั้นเอง
Trachoo.com
Like this:
Like Loading...