ซีเรีย เป็นแหล่งอารยธรรมลำดับต้นๆของโลกเลยทีเดียวครับ
นักโบราณคดีเชื่อว่ามีคนอยู่ที่นี่มาเมื่อกว่าหมื่นปีก่อน
บ้านเชียงของเราเพียงแค่ 5 พันกว่าปีเท่านั้น
แผ่นดินแห่งนี้เปลี่ยนมือไปมาระหว่าง อิสลาม ไปคริสต์ กลับมาเป็นอิสลามอยู่
หลายครั้ง สุดท้ายมาตกอยู่กับอาณาจักร Ottoman เยอรมันนั่นเอง ซึ่งคุมตุรกีอยู่ด้วย
สุดท้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษกับฝรั่งเศสมาจากไหนไม่รู้ มาร่วมกับชาวซีเรียไล่
พวก Ottoman ออกไป
จากครั้งนั้นนั่นเอง ที่สองเกลอหัวแข็งอังกฤษกับฝรั่งเศส เกิดเจอน้ำมันดิบใต้ผืนแผ่นดินของตะวันออกกลาง
ก็เลยทำการแบ่งพื้นที่กัน ฝรั่งเศสได้ซีเรียไปครอง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการเปลี่ยนมือ
อีกทีนึง ฝรั่งเศสยอมคืนประเทศให้กับชาวซีเรีย
ชาวซีเรียที่ตอนหลังมีชาวคริสต์เพียง 10% ที่เหลือเป็นมุสลิมนิกาย Sunni (สุหนี่) Alawites
พวกชิอะห์ (Shia) และอื่นๆ ก็อยู่กันมามีรัฐบาลและรัฐประหารสลับกันไปสลับกันมามากมาย
หลายครั้ง จนผมอ่านแล้วก็งงครับ
จนกระทั่งมีแก๊ง บาธ (ฺBa’athis Syria) เข้ามาวุ่นวายโดยมานาย Hafez al-Assad เป็นสมาชิกคนสำคัญ
ต่อมานาย Hafed al-Assad ก็ปกครองซีเรียอย่างสงบ(แบบหฤโหด) แกเป็นพวก Alawites ครับ
ระหว่างปี 1963-2000 แกปกครองเมืองมาไม่มีการตีกันมาเป็นระยะเวลานึง แต่อันที่จริงแล้วแกก็เหี้ยมสั่ง
ฆ่าประชาชนที่เมือง Hama มหาศาลเลยครับ
ผู้คนก็เริ่มสงบ แต่ด้วยความที่แกเป็นพวก Alawites
พวก Sunni ก็ไม่ค่อยชอบแก เพราะแกลำเอียง เข่นฆ่าประชาชน แกมีพวกหลักๆเลยคือรัสเซีย
ดังนั้นระหว่างที่แกปกครอง แกก็มีปัญหากับอิสราเอลอยู่เนืองๆ ประเทศซีเรียเป็นที่รบกันของ อเมริกา กับ รัสเซีย
ไปได้
ต่อมาปี 2000 นาย Hafez al-Assad ตายครับ แกเลย ไม่สิ แกทำอะไรไม่ได้ เพราะแกตายไปแล้ว
ลูกชายของแกชื่อ Bashar al-Assad ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 34 วันนี้ก็คง 47 ปี เข้ามารับตำแหน่งแทน
แกเรียนจบปริญญาเอกจากลอนดอนเชียวครับ
แกเป็นความหวังของซีเรียที่จะนำความสงบสุขมาสู่ประเทศ เพราะ แกไปแต่งงานกับหญิงชาว Sunni ครับ
ประชาชนก็เริ่มมีความหวังว่าอะไรจะดีขึ้นเพราะผู้นำประเทศฟาก Alawites ไปแต่งงานกับพวก Sunni
นายคนนี้น่าจะเข้าอกเข้าใจอะไรได้ดี
แต่การหาเป็นเช่นนั้นไม่ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นฉันใด นาย Bashar ก็ไม่ต่างกับผู้พ่อ นาย Hafez ฉันนั้น
ปกครองประเทศไปจนเกิดความพินาศ เศรษฐกิจไม่ดี ปกครองแบบไม่เป็นกลาง ประชาชนชาว สุหนี่
ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ออกมาต่อต้าน แบบสงบ
เริ่มหนักๆก็ในปี 2011 เกิดการประท้วงน้อยใหญ่จนกลายมาเป็น สงครามกลางเมือง
นาย Bashar ใช้มาตรการโหด เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นพวก Sunni สุหนี่ ซึ่งก็เป็นสายๆกันกับพวกอัลกอิดะห์
เกิดการมีวินาศกรรมไปทั่วประเทศ และทางนาย Bashar ก็ปราบหนัก ตายกันเป็นเบือ ผู้คนหลบหนีออกนอก
ประเทศนับล้าน ผู้คนล้มตายนับแสน
อเมริกา ที่ได้จับตามองมาหลายปี ได้แต่กัดฟันกรอดๆเพราะอยากจะเข้าไปยุ่งกะเค้า แต่ ติดอยู่ที่ตนเองไปวุ่นวาย
ในสงครามอิรัคและอัฟกานิสถาน มาหลายปี หากจะเข้าไปอีกคงโดนประชาชนด่ากันแน่นอน……..จนกระทั่ง
มีการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ก่อน
เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นให้รัฐบาล Democrat ของนาย Obama ได้ช่องทางในการหาเรื่องเข้าไปจัดการกับ
ประเทศซีเรียทันที แต่ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องผ่านสภาคองเกรสว่าจะยินยอมให้ส่งกำลังทหารเข้าไปในประเทศอื่นหรือไม่
ระหว่างนั้น ก็เริ่มมีกระแสการต่อต้านอย่างมาก เพราะไม่อยากให้อเมริกา ยุ่งเกี่ยวกับสงครามอีกต่อไป
ในสภาคองเกรส มีการถกกันอย่างหนักว่าควรที่จะเข้าไปหรือไม่
ฝ่ายที่บอกว่าควรเข้าไปด้วยเหตุผลว่า
1. การใช้อาวุธเคมีเป็นการผิดข้อตกลงทุกประการ
2. หากไม่มีใครทำอะไรกับเรื่องนี้ อีกหน่อยจะมีคนเอาอาวุธเคมีออกมาเข่นฆ่าประชาชนอีก
3. การเข้าไปจัดการ เป็นการบอกให้รู้ว่า หากใครทำแบบนี้อีก โดนแน่
4. หากอเมริกาไม่ทำอะไร สหายรักเช่น อิสราเอล จะมีศรัทธาอะไรเหลือให้กับอเมริกาอีก
แต่ ในอเมริกาเองก็มีเสียงค้านว่า มีหลักฐานแล้วหรือยังว่า รัฐบาลซีเรียเป็นคนทำ
แม้แต่เมียของนายโอบาม่าเองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นครับ
ฝ่ายรัฐบาลก็ออกมาอ้ำๆอึ้งๆ แถๆ ไปว่า ใช่แน่นอน ลุยได้เลย
แต่!!! นาย Barack Obama ออกมาแถลงข่าวยาว 15 นาที เพื่อบอกชาวอเมริกันว่า เราต้องทำแล้ว
ขอเสียงสนับสนุน เราไม่สามารถเห็นการเข่นฆ่าครั้งนี้เป็นแบบอย่างไปในอนาคตอีกต่อไป และสั่งทหารเตรียม
พร้อมถล่มซีเรีย รอเพียงแค่ คำสั่งเท่านั้น อเมริกาส่งรัฐมนตรีต่างประเทศ(ที่พูดภาษาอังกฤษเป็น) ไปเจรจากับ
รัสเซีย เพื่อบอกว่า อเมริกาเอาแน่ โปรดอยู่เฉยๆ แต่ทหารและกำลังรบ พร้อมแล้ว
ละครฝรั่งฉากนี้ สร้างความอลหม่านให้กับรัฐบาลซีเรีย เพราะ ตนเองไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับพี่กันแน่นอน
ก็เลยปรึกษากับรัสเซีย พี่รัสเซียเองก็ไม่กล้าเข้าข้างซีเรีย เพราะ มันผิดร้ายแรงแบบเห็นๆ และการที่อเมริกา
เคยบ้าเลือดลุยไปทั่ว ทำให้รัสเซียเชื่อว่า ครั้งนี้ไม่ใช่การพูดเล่นแน่นอน ไอ้กันเอาจริงแน่
พี่รัสเซียก็เลยบอกซีเรียว่า ยอมๆเค้าไปเถอะ เอาอาวุธเคมี มอบให้เค้าไป เค้าจะได้ไม่มาถล่มบ้านเมืองของเอ็ง เชื่อพี่
ทางซีเรีย ก็พาซื่อ บอกว่าจะมอบอาวุธเคมีออกมาให้กับอเมริกาให้หมด จะได้เชื่อว่า จะไม่ทำแบบนั้นอีก
มาถึงตอนนี้ หลายท่านคงอ๋อแล้วสิครับว่า “คนร้าย ส่งมอบของกลางในการฆ่าคน” ให้กับตำรวจ
แบบนี้ นาย Bashar ก็เท่ากับสารภาพว่า ได้ทำการฆ่าประชาชนแบบผิดกฏหมายระหว่างประเทศน่ะสิ
จากนี้ไป นาย Bashar al-Assad ก็จะมีสถานะเป็น “ฆาตรกรสงคราม” แบบเดียวกับที่ฮิตเล่อร์และสมุนทำกับ
ชาวยิวระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
ผมจึงเดาว่า นี่แหละ คือความอัจฉริยะของนาย Barack Obama ที่สามารถจับโจรโดยไม่ต้องใช้กำลังทางการทหาร
แค่ใช้การขู่ก็พอแล้ว ที่เหลือ ก็เป็นหน้าที่ของสหประชาชาติที่จะดำเนินการต่อไปกับ อาชญากรสงครามคนนี้
เมื่อการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ ซีเรีย ก็หมดทางที่จะอ้างอะไรอีกต่อไป
หวังว่า บล็อกนี้จะทำให้ท่านติดตามข่าวของ Syria ด้วยความเข้าใจมากขึ้น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็เผ้าดูกันต่อนะครับ