ชวนเที่ยวเมืองชิโมดะ Shimoda เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่คนไทยมองข้าม

–

เมืองชิโมดะ เมืองแห่งแหลมชายทะเลแปซิฟิคแห่งนึงห่างจากโตเกียวไปทางใต้ นั่งรถไฟ 2 ทอดใช้เวลาประมาณ 1.50 ชั่วโมง เมืองนี้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญเพราะ เป็นเมืองที่อยู่ในยุคสมัยที่ ฝรั่งมังค่า บุกมาทางเรือบังคับให้ญี่ปุ่นที่ปิดประเทศไปแล้ว 200ปี เปิดประเทศขึ้นมาใหม่ เพียงเพราะฝรั่งอยากจะค้าขาย อยากจะได้ประโยชน์จากประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 160 ปีที่แล้ว

มันช่างเหมือนตอนที่ฝรั่งเศสมาปิดอ่าวไทยเพื่อบังคับคนไทย อย่างไรอย่างนั้น

นั่งรถจากโตเกียวมาลงที่สถานี Atami เมืองตากอากาศของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เดิมทีก็งั้นๆแหละครับเมืองนี้ แต่พอตอนเค้าตัดสินใจว่ารถไฟชินกันเซ็นต้องแวะเมืองนี้สักหน่อยเท่านั้นแหละ บูมเลย ตอนนี้เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองบริวารของโตเกียวคือ คนมาซื้อบ้านเพื่อเอาไว้พักเวลาเดินทางไปทำงานในวันธรรมดา มันใกล้ครับ แค่ 40 นาทีเท่านั้นเองจากโตเกียว

จากรถไฟชินกันเซ็นสุดหรู เมื่อลงที่ Atami แล้วก็ไปต่อรถไฟฉึกฉักครับ เรียกว่าสาย Ito Line คราวนี้ก็มานั่งรถไฟแบบบ้านๆกันบ้างครับ เพียงแค่ว่า บ้านๆของญี่ปุ่นมันไม่ค่อยจะบ้านเท่าไหร่น่ะสิ สะอาดสะอ้าน แถมเค้ารู้ว่า ด้านซ้ายของเส้นทางรถไฟจะมีวิวสวยงาม เค้าเลยทำเก้าอี้ให้นั่งแบบ กันหน้าเข้าหาหน้าต่างเสียเลย จะได้ดูกันให้ชัดๆว่าสวยแค่ไหน คุ้มค่าการเดินทาง

นี่เห็นกันเต็มๆ กระจกบานใหญ่ นั่งหันหน้าหากระจก
แล้วว่าแต่ว่าจะเห็นวิวอะไรเหรอ เดี๋ยวดูกันต่อสัก 4-5 ภาพนะครับ

วิวที่เห็นจากรถไฟลงไปครับ เนื่องจากรถไฟวิ่งบนสันเขา ลอดอุโมงค์บ้างอะไรบ้าง มุมที่ได้จะเห็นทะเลจากมุมสูงแบบนี้ ก็สวยดีครับ

อะเจ๊ยยยย มีหลังคาสังกะสีมอมแมม แบบนี้ด้วยเหรอ แปลกตาดีแฮะ ชักชอบการเดินทางครั้งนี้ของตัวเองซะแล้วสิ

รถไฟที่วิ่งบนสันเขา จึงมีต้นไม้มาบดบังวิวบ้างเป็นธรรมดาครับ

 

มีห้วงนึงครับ ที่ไม่เลียบทะเล แต่ตัดเข้ามาในแผ่นดินหลังภูเขา ผมเห็นภาพนี้แล้ว เกิดคำว่า “หมู่บ้านในนิทาน” ดังขึ้นมาในสมอง
ใครไม่เคยฟัง ลองหาฟังดูนะครับ ของพี่เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์ครับ

ตัดมาที่สถานีปลายทางเลยครับ มาที่นี่ไม่มีการหลง เพราะ มันเป็นสถานีปลายทางเลย
ออกมาจากสถานี งงครับ ไปแท็กซี่แล้วกัน อันที่จริงทางโรงแรมเค้ามีรถมารับครับ แต่ เซ่อ เองครับ
ไม่ได้มอง คิดว่าเหนื่อยมากเพราะเดินทางจากบ้านเรา เที่ยงคืนนอนมาบนเครื่องบินแล้วมานี่เลย

มีเรือจำลองลำนึง เรือดำ นี่แหละครับที่เป็นประวัติศาสตร์ของที่นี่ครับ คนญี่ปุ่นมีแสลงเรียกฝรั่งว่า เรือดำ
เป็นคำที่เค้าไม่ชอบครับ

นั่งแท็กซี่มาเพื่อมาพักที่นี่ครับ เดี๋ยวดูวิวที่เห็นจากห้องนะครับ

 

พอเข้าห้องได้ ไม่ฟังอะไรแล้วครับ พนักงานบอกอะไร ผมก็ตอบว่า ฮาย ฮาย ฮาย ฮาย คือ กรูจะดูวิว กรุณาไปได้แล้ว
วิวที่เห็น ผมตะลึง นี่มันประเทศญี่ปุ่น หรือ ประเทศไทยกันแน่ น้ำใสสีเขียวมรกต แถมคนไม่เยอะอีก อะไรกันนี้

มองตรงกลาง เห็นอ่าวทั้งหมด อ่าวที่สวยงาม อ่าวที่เมื่อ 160 ปีก่อน ฝรั่งเอาเรือมาปิดอ่าวนี้แล้วบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดเมือง
พวกเค้าลอยเรือกันอยู่ในอ่าวอีกอ่าวไกลๆทางซ้ายมือ ไม่ได้แล้ว หายง่วงทันที เดี๋ยวต้องลงไปดูวิวที่ชายทะเลที่เค้าปิดอ่าวให้ได้

ระหว่างรอรถบัสเพื่อลงไปข้างล่างก็มาเดินดูวิว โห เค้าจะมีการกินอาหารกันแบบนี้คืนนี้เหรอ
ผมไม่สน ผมจะลงไปกินเบียร์กับชาวบ้านข้างล่างดีกว่า แบบนี้มันธรรมดาเกินไป 5555

เมื่อลงเขามาแล้วก็ขึ้นเขาอีกทีครับ แต่คราวนี้ขึ้นด้วยรถกระเช้า เพื่อขึ้นไปดูภาพมุมสูงที่ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน
แอบขึ้นไปดูกองเรือรบที่เข้ามาในน่านน้ำของพวกเค้า เดี๋ยวดูต่อนะครับว่ามันจะเป็นอย่างไร เค้ามาปิดกันอีท่าไหน

เค้าให้ความสำคัญกับความเข้าใจในประวัติศาสตร์ของพวกเค้าสูงมากครับ มีป้ายอธิบายว่า เกิดอะไรที่ตรงไหนในอ่าวแห่งนี้
ด้วยแผนภูมิที่ดีมากครับ

ประวัติสั้นๆคือ เมื่อประมาณ 360 ปีก่อน ญี่ปุ่นปิดประเทศไม่ค้าไม่ขายอะไรกับใคร ปกครองโดยโชกุนมาหลายปี ต่อมาเมื่อ 160 ปีก่อน อเมริกาส่งนายพลเรือคนนึงชื่อ Matthew Perry มาพร้อมกองเรือ 8-9 ลำ มาบังคับให้ญี่ปุ่นที่ปิดประเทศมานานแสนนาน ต้องเปิดประเทศ เพื่อให้อเมริกาได้ทำการค้าขายกับญี่ปุ่น

ในวันนั้น คนญี่ปุ่นตกใจกลัวชาวตะวันตกมาก เพราะมีหน้าตาแปลกประหลาดไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน พวกฝรั่งมาด้วยเรือกลไฟสีดำมากดดันชาวญี่ปุ่นให้ยอมรับในการบังคับของพวกเค้าด้วยอาวุธที่เหนือกว่า อีกปีต่อมา Matthew Perry กลับมาทวงคำตอบ จากนั้นญี่ปุ่นก็เลยเปิดประเทศและพัฒนาตนเองเพื่อค้าขาย พัฒนากองเรือเพื่อนำเรือข้ามแปซิฟิคเพื่อค้าขายกับอเมริกามาจนทุกวันนี้

อาจกล่าวได้ว่า ถ้าอเมริกาไม่มาเปิดประเทศ ญี่ปุ่นอาจไม่พัฒนามาจนทุกวันนี้ก็ได้

นายพล Perry ได้รับเกียรติ เอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อถนนด้วยนะครับ ที่นี่รถไม่ติดครับ อันนี้ไฟแดงสั้นๆ
ผู้คนรู้จักทักทายกัน แปลกดีครับ เหมือนเมืองเล็กๆเมืองนึงเลย

วิวจากบนเขา ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน

ที่ญี่ปุ่น จะให้ความสำคัญกับการออกแบบฝาท่อระบายน้ำมากครับ เมืองนี้นำเอารูปเรือสมัยโบราณ
มาเป็นไอเดียในการออกแบบฝาท่อ เมืองต่างๆก็จะมีฝาท่อที่มีหน้าตาแตกต่างกันครับ ไม่ต้องสงสัยว่าเมืองที่มี
ภูเขาไฟฟูจีอยู่ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

ระหว่างขากลับ ตัดสินใจไม่นั่งแท็กซี่ครับ เดินเลียบชายทะเล ดูอะไรไปเรื่อยๆ

อีกจุดหนึ่งที่มีความน่าสนใจสำหรับการมาเที่ยวเมือง Shimoda ชิโมดะ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ประจำเมืองแห่งนี้นะครับ พลาดไม่ได้จริงๆที่จะได้เรียนรู้ครับ

ภายในมีการจำลองบรรยากาศ 400 ปีก่อนให้คนรุ่นหลังได้ร่วมมีประวัติศาสตร์ร่วมกันกับคนรุ่นเก่า

 ล่องเรือมา 7 เดือน มีความพยายามจริงพ่อคุณเอ๊ย

จุดเริ่มต้นของความพยายามพูดกันให้รู้เรื่อง Dictionary 5000 คำเมื่อ 150 ปีก่อน

เรื่องราวของขบถทางความคิด ที่กลายมาเป็นผู้สร้างสรรสังคมผ่านคนรุ่นหลังในที่สุด

ทำไมพิพิธภัณฑ์ต้องลงทุนมากเพียงเพื่อเล่าเรื่องของคนติดคุก เพราะเค้าส่งเสริมการคิดแบบขบถ 
เรื่องราวของขบถทางความคิด ที่กลายมาเป็นผู้สร้างสรรสังคมผ่านคนรุ่นหลังในที่สุด

จบแล้วครับ สำหรับเรื่องราวของผม

เมืองนี้ไม่ค่อยมีคนไทยมาเที่ยวครับ แต่หากใครชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ละก็ พลาดไม่ได้จริงๆครับ

ชวนเที่ยวเมืองชิโมดะ Shimoda เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่คนไทยมองข้าม ครับ