–
ประวัติ ที่มา ของ Whatsapp วอทแอพส์ เรื่องราวที่พลิกผันราวกับละครไทย
ข่าวการเข้าซื้อกิจการ Whatsapp โดย Facebook สร้างความสนใจไปทั่วโลกด้วยราคาการซื้อกิจการที่สูงมากถึง 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ Whatsapp ที่เป็น App ที่เกิดขึ้นมาหลังจากที่ BlackBerry ก้าวขึ้นมาสร้างความโดดเด่นในตลาด Smartphone ด้วยความสามารถทางการส่งข้อความแบบไม่ต้องเสียค่า SMS ด้วยการใช้ระบบ Messaging ของตัวเอง ซึ่งหากใครอยากได้รับประโยชน์ด้าน Messaging ที่ไม่ต้องเสียเงินแบบนี้ ต้องเข้ามาอยู่ในระบบของ BlackBerry เท่านั้น
แต่ จุดเด่นที่สร้าง BlackBerry ขึ้นมากลับเป็นสิ่งจูงใจให้เกิดความพยายามในการทำให้ระบบ Messaging ที่ไม่ต้องเสียเงินค่า SMS นี้สามารถใช้พูดคุยกันข้ามระบบไปสู่ OS อื่นๆเช่น iOS ของ Apple และ Android ของ Google ให้ได้ และเจ้า App ที่ชื่อ Whatsapp นี่แหละที่สร้างความเปลี่ยนแปลงนี้จนเป็นปัจจัยหนึ่งของความเสื่อมถอยของ BlackBerry เลยก็ว่าได้
วันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า WhatsApp มีประวัติ ที่มา อย่างไรที่เข้ามาเป็นตัวพลิกผันวงการ SmartPhone ได้ทั่วโลก
WhatsApp เป็น App ด้าน Messaging ที่เกิดขึ้นมาเพื่อการส่งข้อความข้าม OS กันได้แบบไม่ต้องเสียค่า SMS เป็นไอเดียของหนุ่มอเมริกันที่ชื่อ Brian Acton (คนซ้าย) กับ หนุ่มชาวยูเครน ที่ชื่อ Jan Koum (คนขวา) โดย Jan Koum เป็นชาวยูเครนที่อพยพมาอยู่ที่ California กับแม่ของเค้า ความเป็นอยู่ของ Jan Koum ในช่วงแรกนับได้ว่าแร้นแค้นเลยทีเดียว อาศัยประทังชีวิตด้วยแสตมป์อาหารที่ทางรัฐบาลจัดให้กับคนที่ไม่มีรายได้เพียงพอ
Jan Koum เริ่มทำงานที่แรกในปี 1997 ที่ Yahoo อันเป็นที่ที่เค้าได้ทำงานร่วมกับ Brian Acton ทั้งคู่ทำงานด้วยกันมาเป็นเวลา 10 ปี จนในปี 2007 พวกเค้าก็ลาออกจาก Yahoo และพักผ่อนไม่ได้ทำงานเป็นเวลา 1 ปี ต่อมาในปี 2009 พวกเค้าทั้งสองคนก็เกิดอยากทำงานอีกครั้งจึงไปสมัครงานที่ Facebook แต่ Facebook ไม่รับพวกเค้าเข้าทำงานครับ ไม่น่าเชื่อว่าอีกเพียง 5 ปีต่อมา Facebook ต้องจ่ายเงินถึง 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะได้ครอบครองสิ่งที่ Brian Acton และ Jan Koum คิดค้นขึ้นมา (รู้งี้ จ้างดีกว่าไหม)
ในปี 2009 นั้นเอง Brian Acton และ Jan Koum ได้ซื้อ iPhone มาใช้ (ผมเดาเอาเองว่า เค้าประสพปัญหาการส่งข้อความไปยัง BlackBerry) พวกเค้าเกิดไอเดียขึ้นมาทันทีว่า iPhone ที่มีระบบ App Store นี่แหละที่จะเป็นตัวเปลี่ยนอุตสาหกรรมซอฟแวร์และ พวก iPhone นี่แหละที่น่าจะต้องการใช้ระบบอะไรสักอย่างที่จะสามารถทำให้พวกเค้าติดต่อกับผู้ที่ใช้ BlackBerry ได้ พวกเค้าใช้เวลาคิดอยู่ไม่นานและชื่อ WhatsApp ก็เกิดขึ้นโดน Jan Koum นี่แหละที่เป็นผู้เลือกชื่อ เพราะมันฟังดูเหมือน What’s Up ดี
เค้ามีการเอาอัตราการเจริญเติบโตของลูกค้ามาเปรียบเทียบกันครับ สมมติว่า WhatsApp Facebook Gmail Twitter Skype ต่างๆเหล่านี้มาเทียบกันว่า หลังจากที่แต่ละบริษัทเกิดมา 4 ปี (แม้จะเกิดไม่พร้อมกัน) ใครจะมีลูกค้ามากกว่ากัน เค้าพบว่า WhatsApp เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเข้ามาอยู่ในมือมากที่สุดถึง 41 ล้านคน ในขณะที่ 4 ปีแรก Facebook ยังแค่มีสมาชิกเพียง 145 ล้านคนเท่านั้น และล่าสุด WhatsApp ก็มีลูกค้าถึง 450 ล้านคนไปแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงแม้ Facebook จะมีสมาชิกมากกว่า WhatsApp อย่างมากมาย แต่ Facebook ที่ออกระบบ Facebook Messaginge ก็ไม่สามารถทำให้สมาชิกหันมาใช้บริการการส่งข้อความกันแบบ Messaging ได้เท่า WhatsApp ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายธุรกิจและต่อยอด Facebook จึงไม่เสียเวลาสู้รบปรบมือกับ WhatsApp ให้เสียเวลา เค้าเลยซื้อซะเลย ง่ายดี
บล็อกนี้ก็เลยขอจบด้วยการสรุปว่า ความพลิกผันของชีวิต และ ธุรกิจ ช่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยง่ายเสียเหลือเกิน จากคนที่แทบไม่มีอะไรจะกิน มาทำงาน ไปสมัครงานเค้าก็ไม่รับ เลยทำธุรกิจเสียเอง จนประสพความสำเร็จและก็ได้รับเกียรติจากบริษัทที่เคยปฏิเสธการรับเข้าทำงาน มาซื้อกิจการในราคาที่สูงลิ่ว และ กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีคนนึงของ Silicon Valley กันไปเลย
ชีวิตนี่มันต้องสู้อย่างเดียวจริงๆเลยนะครับ ต้องสู้ ต้องสู้ถึงจะชนะ เพลงเค้าร้องไว้