Facebook สามารถทำการทำนายเรื่อง ความรัก ได้แล้ว ใครปิ๊งกัน-ใครจะรักกัน-ใครจะเลิกกัน Facebook รู้หมดแล้ว

ด้วยความที่เฟซบุคมีความจำเป็นที่ต้องรักษาสมาชิกให้ติดหนึบกับหน้า News Feed ให้ได้ เฟซบุคจึงมีความพยายามที่จะทำการวิเคราะห์ลงลึกถึงอุปนิสัยของสมาชิกว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพื่อที่การจัด Algorithm ให้ดึงข่าวจากเพื่อนๆที่โพสต์กันเข้ามา ได้มา Feed ที่หน้าของเราอย่างถูกใจ เมื่อเราถูกใจ เราก็เลยติดหนึบ หน่วยงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์เรื่องแบบนี้ของ Facebook เค้าเรียกว่า Facebook’s Data Scientists พวกเค้าจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลกันอย่างละเอียด จนเค้าค้นพบเรื่องนึงคือ

Facebook-dating

ใครกำลังแอบปิ๊งกัน ใครกำลังรักกัน ใครกำลังจะเลิกกัน ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ มาลองอ่านต่อครับ เริ่มต้นที่

 ทำไม Facebook รู้ว่า ใครกำลังแอบปิ๊งกัน

นาย  Carlos Diuk, Facebook Data Science  ได้ทำการศึกษาข้อมูลของสมาชิกจำนวนมากก่อนที่พวกสมาชิกเหล่านั้นจะระบุสถานะใน Facebook ว่า In a Relationship เค้าพบว่า จะมีคู่ใดคู่หนึ่งที่เริ่มทำการโพสต์ข้อความหากันบ่อยขึ้น เริ่ม Message หากันบ่อยขึ้น  โดยใน 100 วันก่อนการประกาศความสัมพันธ์จะสามารถเห็นปรากฏการณ์การติดต่อทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์แบบนี้  ดูจากกราฟช่วงก่อน 100 วันและ จะลดลงในช่วง 12 วันก่อนวันประกาศครับ

1780919_10152219518868415_432315498_n

และ จากสถิติใน 12 วันก่อนการประกาศความสัมพันธ์ แม้ปริมาณการส่งข้อความจะลดลง แต่ ด้วย Software การวิเคราะห์ถ้อยคำของ Facebook เค้าพบว่า  คำจะหวานขึ้น (เช่น Love, Nice, Happy) ส่วนคำที่เป็นคำเชิงลบจะหายไปเช่น Hate, Bad , Hurt  ผมขอเรียกของผมเองว่า ดัชนีความหวาน ของข้อความ จะเพิ่มขึ้น 12 วันก่อนวันสำคัญ และ ดัชนีความหวานจะมีต่อเนื่องไป ครับ ดูจากกราฟข้างล่าง

นี่แหละ Pattern การใช้เฟซบุคของคนที่กำลังแอบปิ๊งกัน เพื่อนๆรอบตัวอาจไม่รู้ แต่ เฟซบุครู้คร้าบ 555555555

1898250_10152219519288415_127545461_n

ทำไม Facebook สามารถบอกได้ว่า ใครเป็นคนที่มี Relationship กันแล้ว

นาย Jon Kleinberg, ผู้ซึ่งเป็น computer scientist ที่ Cornell University และนาย Lars Backstrom ผู้เป็น senior engineer ที่ Facebook ร่วมกันทำการวิจัยจากคนที่ได้ประกาศตัวเองว่า In a Relationship ด้วยการทำกราฟแบบนี้ออกมาครับ

28bits-lohr-tmagArticle-v2

กราฟนี้ สมมติว่า นาย โอม อยู่ตรงกลาง เพื่อนๆทั้งหมดของนายโอม จะเป็นจุดที่อยู่รอบๆทั้งหมด ก้อนใยแมงมุมที่อยู่ด้านบนและด้านขวาจะเป็นกลุ่มที่รู้จักกันกับนายโอมเยอะเป็น Mutual ในกลุ่มกันอย่างหนาแน่น มักจะเกิดกับกลุ่มเพื่อนร่วมงาน หรือ เพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา แต่ นายโอม ที่ประกาศความสัมพันธ์กับ นางสาว ปอย นางสาวปอยจะมีจุดอยู่ทางด้านซ้ายล่าง

จากการเปรียบเทียบคู่รักจำนวนมากมาย เค้าสามารถที่จะใช้ Algorithm ทำนายได้ว่า นายโอม เป็นแฟนกับคนไหนหรือจุดไหน ในกราฟนี้ ซึ่งในกรณีนี้ เป็นจุดของนางสาว ปอย นี่เอง

แต่ผลการฟันธงในวิจัยอันนี้ก็ยังไม่แม่นเป๊ะครับ  Facebook บอกว่าสามารถทำนายความเป็นคู่รักกันได้ด้วยความแม่นยำสัก 60% ด้วย Algorithm ที่สามารถระบุออกมาเป็นค่า Dispersion (อันนี้ขอข้ามไปละกันนะครับ)

ทีนี้ นาย นาย Jon Kleinberg และนาย Lars Backstrom ก็บอกว่า จากการศึกษาต่อเนื่องมาอีกพบว่า หากคู่รักคู่ไหนที่ Algorithm ไม่สามารถระบุได้ (ในกรณีที่รู้ความสัมพันธ์แล้ว)เค้าบอกเลยว่า คู่นั้นกำลังจะเลิกกันภายใน 2 เดือน (เพราะ Facebook สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของการเปลี่ยนสถานะจาก In a Relationship มาเป็น Single ได้ตลอดเวลา) เป็นไงครับ Facebook รู้ลึกจริงอะไรจริง

ใครกำลังจะเลิกกัน สงสัยต้องลองโทรไปถาม Facebook Data Scientist ดูเอาเองนะครับ

ทำไม Facebook สามารถบอกได้ว่า ใครที่มีโอกาสเลิกกันสูง

เรื่องนี้เป็นผลงานของนาย Bogdan State ผู้ที่เป็น Data Scientist คนนึงของ Facebook ครับ  เค้าทำการทดลองคล้ายๆกับกรณีแรกว่า ใครจะมาเป็นแฟนกัน แต่ เค้าทำการวิเคราะห์ไปอีกทางนึงครับว่า คู่ไหนจะเลิกกัน เค้าจับสถิติ การประกาศสถานะจาก Single ไปสู่การประกาศสถานะ In a Relation แล้วตามดูเทียบกับการประกาศ Single อีกครั้งนึงแล้วเค้าพบว่า

article-2559655-1B7EFD3E00000578-659_634x598

คู่ที่เป็นเพื่อนกันใน Facebook และมีช่วง Sweet กันก่อนประกาศสถานะ In a Relations เป็นเวลา 3 เดือนหรือมากกว่า 3 เดือน คู่นั้นจะเป็นแฟนกันไปอย่างน้อย 4 ปีหรือมากกว่านั้น (การวิจัยนี้เริ่มทำในปี 2008 ครับ) อันที่จริงอันนี้มันก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่ทาง Facebook ก็ได้ใช้สถิติเพื่อการค้นหาหลักฐาน ก็ได้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราวที่เราต้องอึ้งกันเลยทีเดียวครับ

โอ้ว Facebook กำลังจะเป็นหมอดูแม่นๆเรื่องความรักไปแล้วหรือนี่

facebook_interactionsอ่านมาถึงตรงนี้ อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า Facebook จะวิเคราะห์ข้อมูลพวกนี้ไปทำไม ได้อะไรขึ้นมาเหรอ คำตอบก็คือ

Facebook ต้องการให้คนติดหนึบกับหน้า News Feed ด้วยการทำความรู้จักสมาชิก ความชอบ ความไม่ชอบให้มากที่สุด อะไรที่เป็นเรื่องของคนที่เราชอบ เราก็จะชอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเคัา แม้ข้อความนั้นจะส่งมาจากคนอื่น หรือ แม้กระทั่งโฆษณาที่อาจเป็นสิ่งที่คนที่เราชอบ ต้องการหรือควรจะได้รู้ เราก็มีแนวโน้มจะชอบโฆษณาอันนั้นไปด้วย  นี่แหละครับ การลงทุนทางความรู้ จากข้อมูล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอย่างมั่นคงตลอดไป

จบเรื่อง Romantic ด้วยเรื่อง Business เสียอย่างนั้น ขอบคุณที่สละเวลาอ่านมาถึงตรงนี้ครับ

Trachoo.com
This entry was posted in From My Facebook, See it, think about it and tagged , . Bookmark the permalink.
%d bloggers like this: