–
เรื่องการรับ โอนสัญชาติญี่ปุ่น หรือ เปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่นนั้น อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดมีการพูดกันมาหลายรัฐบาลแล้ว ด้วยความที่ทุกวันนี้ประเทศญี่ปุ่นมีประชาการที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีถึง 28 ล้านคน จากจำนวนทั้งหมด 127 ล้านคน ในขณะที่เด็กวัย 0-4 ขวบมีเพียง 6 ล้านคนในปี 2010 และจะลดเหลือ 5 ล้านคนในปี 2020 และจะเหลือเพียง 4 ล้านคนใน 2050 นั่นหมายความว่า ในปี 2030 จะมีคนที่มีอายุ 20-24 ปี เพียง 6 ล้านคนเท่านั้น (จากที่คนวัย 20-24 จำนวน 9 ล้านคนในปี 2010)
นั่นหมายความว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีคนทำงานสร้างงาน สร้างประเทศในวัยหนุ่มสาวเหลือน้อยมาก แล้ว ใครจะมาสร้างชาติของเค้า
ประกอบกับอัตราการเกิดที่น้อยลงอย่างเป็นประวัติการณ์ คนเริ่มแต่งงานและมีลูกช้าลง หรือ ไม่มีเลยมีมากขึ้น อันอาจจะเกิดจากเหตุหลายประการทั้ง สาเหตุทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ตกต่ำมาเป็นเวลานาน คนทำงานหนักมากขึ้น เรื่องราวนี้ สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นเสมอมา เพราะ คนก็จะมีอายุเพิ่มขึ้นดังนั้น อนาคตสังคมญี่ปุ่นจะมีแต่ผู้สูงอายุ และ มีเด็กและวัยทำงานที่น้อย แล้ว ใครจะทำงานสร้างรายได้ให้ประเทศชาติ
ล่าสุดนี้เอง ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการพูดคุยกันเมื่อ 24 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมานี้ด้วยการนำเสนอ กราฟข้างล่างนี้อีกครั้ง เค้าบอกว่าในปี 2110 จากปัจจุบันที่มีกันอยู่ 127.5 ล้านคนนี้ หากไม่ทำอะไรเลยจะเกิด
Scenario C คือ ประชากรญี่ปุ่นจะเหลือ 42.86 ล้านคนเท่านั้นหากวันนี้ยังไม่ยอมทำอะไร
Scenario B คือ ประชากรญี่ปุ่นจะเหลือเพียง 91.36 ล้านคนหากรัฐบาลสามารถเพิ่มอัตราการเกิดได้
Scenario A คือ ประชากรญี่ปุ่นจะมีเป็นจำนวน 114.04 ล้านคน หากวันนี้สามารถเพิ่มอัตราการเกิดได้และยอมรับให้มีคนต่างชาติเข้ามาเป็นชาวญี่ปุ่น
ตอนนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้คำนวณตัวเลขออกมาแล้วว่า จะต้องเปิดโอกาสให้คนต่างชาติได้เข้ามาถือสัญชาติญี่ปุ่นจำนวน 200,000 คน และพวกเค้าต้องมามีลูกที่ถือกำเนิดกันในประเทศญี่ปุ่นให้ได้ด้วย โดยต้องเริ่มตั้งแต่ปี 2015 นี้เป็นต้นไปและต้องทำการส่งเสริมให้คนมีลูกมากขึ้นให้ได้ หากสามารถทำได้เช่นนี้ ประชากรญี่ปุนจึงจะสามารถมีถึง 114.04 ล้านคนในปี 2110 เรื่องการรับ โอนสัญชาติญี่ปุ่น หรือ เปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่น จึงถูกหยิบยกมาพูดกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเรื่องการรับคนต่างชาติให้ โอนสัญชาติญี่ปุ่น หรือ เปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่นนั้น ไม่เคยผ่านการพิจารณาของญี่ปุ่นเลย อาจจะด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งและมีความรักชาติมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามแรงกดดันทางสังคม ความต้องการแรงงาน และ ความจำเป็นในการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งพา”คน”อยู่นั่นเอง แรงกดดันนี้อาจจะทำให้ มาตรการนี้ สามารถออกมาเป็นรูปธรรมได้ในอนาคต
และหากมองไปข้างหน้าเรื่องนี้ หากมาตรการนี้เกิดขึ้น ประเทศญี่ปุ่นคงต้องผ่านช่วงเวลาของการเปิดรับให้คนต่างเชื้อชาติวัฒนธรรมเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันใช้สาธารณูปโภคร่วมกัน คงจะเกิดแรงกดดันในสังคมกันไม่ใช่น้อย และ มันอาจเป็นโอกาสของใครอีกหลายคนที่อยากย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ประเทศที่น่าอยู่แบบญี่ปุ่น
แต่สำหรับผมสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ารักๆแบบนี้คงมีกันเกลื่อนเลย ถ้าผมไม่แก่เสียก่อน ผมคงได้เห็นเด็กวัยหลานๆหน้าตาแบบนี้ เดินกันเกลื่อนญี่ปุ่นในเวลา 15-16 ปีข้างหน้าแน่นอนเลย ฮิ้วววววววววววววววว
อ่านเรื่องที่น่าสนใจ เมื่อลูกครึ่งทั่วโลกรวมตัวกันสร้างกลุ่มสังคมเล็กๆที่เค้า Belong