–
เดิมทีเดียว Facebook เกิดจาก Server ของ Mark Zuckerberg ที่ตั้งอยู่ในหอพักของเค้าเพียงตัวเดียวเท่านั้น เมื่อเฟซบุคมีจำนวนแฟนๆถึงพันกว่าล้านคน สิ่งที่ Facebook จะต้องมีคือ Server จำนวนถึง 2 แสนกว่าเครื่องที่ตั้งอยู่ที่ตึก Data Center พื้นที่ขนาด 3 แสนตารางฟุต ใน ทะเลทราย Prineville รัฐ Oregon
ลองคิดดูสิครับว่า แค่คอมพิวเตอร์ของเราเครื่องเดียว เปิดใช้งานเครื่องยังร้อนจนต้องปิดบ้าง Server ของ Facebook เองต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ความร้อนที่เกิดสะสมอยู่ในห้องเก็บ Server จะสูงมากขนาดไหน ยิ่งความร้อนมากคอมพิวเตอร์ก็จะล่มบ่อย เค้าแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จะต้องเปิดแอร์ให้กับเครื่องพวกนี้ตลอดเวลา จะดีเหรอ
ทางออกที่ชาญฉลาดและไม่ต้องใช้พลังงานและกระแสไฟฟ้าเพื่อมาสร้างความเย็นให้กับ Data Center แห่งนี้ก็คือ การหาที่ที่มีอากาศเย็นตลอดปีเพื่อใช้อากาศที่เย็นเข้ามาเป่าเพื่อลดความร้อนของ Data Center แห่งนี้ และสถานที่ที่ Facebook เลือกจึงเป็นทะเลทรายแห่งนึงในรัฐ Oregon
ด้วยอุณหภูมิที่เย็นสบายตลอดปี ทำให้เมือง Prineville กลายเป็นที่หมายของ Facebook ในการเลือกเป็นทำเลในการสร้าง Data Center
ที่ Data Center แห่งนี้ เพียงแค่ดูดอากาศที่เย็นภายนอกเข้ามาผ่าน Server ที่เปล่งความร้อนออกมาตลอดเวลา ก็สามารถควบคุมความร้อนภายในอาคารที่กว้างถึง 330,000 ตารางฟุตได้แล้ว
ลมเย็นที่ผ่านเข้ามาจะไหลลงไปที่ Server Farm ที่ด้านล่าง ทำให้ลมที่ผ่าน Server ที่ร้อนเหล่านั้นอุ่นขึ้นและนำความอุ่นนั้นไปปรับให้อาคารที่ทำงานมีอากาศที่อุ่นสบายโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มเติม
อันที่จริงแล้ว ที่ Oregon นี้ไม่ได้มีเพียง Facebook เท่านั้นที่มาตั้ง Data Center แต่ก็มี Amazon , Google และ Apple เองก็กำลังจะมาตั้ง Data Center ของตนที่นี่เหมือนกัน นอกจากที่นี่แล้วด้วยความรวดเร็วในการเจริญเติบโตของ Facebook ทำให้เค้าต้องไปสร้าง Data Center ไว้ที่ Sweden อีกด้วย และ อุณหภูมิของสถานที่ที่จะไปตั้งคงเป็นปัจจัยนึงในการเลือกสถานที่ด้วยเช่นกัน
เรื่องราวของ Data Center แห่งนี้ของ Facebook มีรายละเอียดที่น่าสนใจมากครับในเรื่องการประหยัดพลังงาน การควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น(เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ที่ทำอันตรายต่อ Server) การออกแบบ Server ให้ประหยัดพลังงานและซ่อมแซมง่าย เพื่อให้เราเล่น Facebook กันได้ไม่สะดุด แต่บล็อกนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ