–
วันก่อนได้ดูสารคดีการก่อสร้าง Dubai Palm Island แล้วเค้าพูดประโยคนึงขึ้นมาทำให้ผมเกิดความสนใจและเอามาคิดต่อครับ คือเค้าพูดว่า “Put Dubai on the World’s Map” มันทำให้ผมสนใจมากเลยครับ เรามาดูก่อนนะครับว่าทำไมคำนี้ทำให้ผมสนใจขึ้นมา
เราคงเคยได้ยินกันมาหลายปีว่า Dubai เป็นประเทศนึงในตะวันออกกลางที่ร่ำรวยมากกก จากการค้าขายน้ำมัน วันนึงเค้าเกิดคิดขึ้นมาว่าหากน้ำมันเกิดหมดไปเค้าจะหากินอะไรกัน ด้วยความที่ Dubai มีชายหาดที่สวยงาม

ชายหาดของ Dubai
เค้าเลยคิดว่า ถ้างั้นก็เอาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี่แหละเป็นหลัก และ Dubai จะต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของโลกให้ได้ ถ้าทำได้แบบนั้น เงินทองจะไหลเข้าประเทศอย่างไม่มีวันหมดไม่ต้องพึ่งพาแต่น้ำมันอย่างเดียว แต่จะพึ่งพาธรรมชาติอย่างเดียวคงไม่ได้ทะเลจะสวยก็จริง แต่ทะเลที่ไหนมันก็สวยกันทั้งนั้นแหละ (ดูสภาพสถาปัตยกรรมปัจจุบันเสียก่อน ใครจะอยากมา) ดังนั้น ถ้าอยากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของโลกเราต้องสร้างสิ่งดึงดูดใจให้น่าเที่ยว

Dubai เมื่อก่อนนี้
เค้าตั้งคำถามขึ้นมาว่า จะทำอย่างไรให้มีชายหาดที่ยาวมากกว่าเดิม ไอเดียแรกๆคือ การสร้างเกาะปลอมขึ้นมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ชายหาด แต่ด้วยความที่มีเงินเยอะจึงเกิดจินตนาการไม่สิ้นสุด เค้าเลยเกิดไอเดียของ Dubai Palm Island ขึ้นมาแทนที่จะเป็นแค่เกาะธรรมดา ก็ทำให้มันไม่ธรรมดาเสียเลย ด้วยการใช้แนวคิดสถาปัตยกรรมสร้างให้เป็นเกาะที่มีทรงเป็นต้นปาล์ม แล้วมีแหล่งบันเทิง ที่พัก ท่องเที่ยว การค้า บ้านพัก บนนั้นอย่างดี

Palm_Island_Resort ของ Dubai
เมื่อไอเดียนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ภาพร่างของโครงการ มันถูกส่งออกไปผ่านอินเตอร์เนทให้คนทั้งโลกได้เห็นจินตนาการอันนี้ ผู้คนทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่ Dubai จากเมืองที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรให้ไป ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าสนใจ เจ้าไอเดียนี้ทำให้ Dubai เข้าไปอยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วโลกทันที จากเมืองที่เคยคิดว่าเป็นเมืองกลางทะเลทราย วันนี้ภาพในสมองของเรามีแต่ Dubai ที่เจริญสุดขีด แม้กระทั่ง David Beckham ก็ยังต้องไปซื้อบ้านไว้หลังนึงบนเกาะเทียมแห่งนี้

โครงการเปลี่ยนอนาคตประเทศ ของ Dubai
หลังจากที่ Dubai ได้สามารถแจ้งเกิด Put Dubai on the World’s Map และเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศได้แล้วด้วยการสร้างประเทศด้วยสถาปัตยกรรมเกาะเทียมนี้ คราวนี้เค้าขยายใหญ่ออกไปอีกหลายโครงการ แล้วคิดใหม่ คราวนี้ไม่พูดแบบเดิมแล้ว แต่พูดว่า Put World’s Map on Dubai ไปเสียแล้ว (ดูที่ลูกศรชี้นะครับ เค้ากำลังทำเกาะเทียมให้เป็นรูปแผนที่โลก)

ภาพ Shopping Center ชั้นหรูหรา ภาพเมืองชายทะเล และที่จอดเรือ ทำให้เราลืมไปเลยว่า Dubai อยู่กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ แต่น่าไปมากๆ
น่าสนใจมากครับ ความสำเร็จของ Dubai ครั้งนี้หากมองกันในเรื่องการทำการตลาด การสร้างแบรนด์ให้กับระดับประเทศ
มันทำให้ผมคิดต่อไปถึงคำว่า การสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตยกรรมเลยครับ ผมคิดได้เรื่องนึงในเมืองไทยครับ

ตึกหุ่นยนต์ สำนักงานใหญ่ธนาคารเอเชีย ในอดีต บนถนนสาทร
หลายปีก่อนที่จะมีสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนประเทศไทยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เรามีธนาคารของไทยกันอยู่ประมาณ 16 แห่ง ใหญ่น้อยไล่เรียงกันไปครับ มีธนาคารแห่งนึงชื่อ ธนาคารเอเซีย เป็นธนาคารเล็กอันดับท้ายๆของประเทศไทย แต่ สามารถสร้างความรู้จักให้โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์เมืองไทยที่มีถึง 16 แห่ง ด้วยการ วางตัวเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีความคิดทันสมัย เค้าสร้างสำนักงานใหญ่ให้มีหน้าตาเหมือนหุ่นยนต์ ตามภาพเลยครับ
ผู้คนก็จดจำธนาคารและภาพลักษณ์ความเล็กแต่ทันสมัยได้เป็นอย่างดี ผมเห็นว่านี่เป็นตัวอย่างนึงของการสร้างแบรนด์ (ชื่อและภาพลักษณ์)ให้สามารถจดจำได้ด้วยการใช้สถาปัตยกรรม เลยครับ
มาดูอีกตัวอย่างนึง

โครงการ Marina Bay Sands ของสิงคโปร์
ผมด้วยความที่ต้องไปทำงานที่สิงคโปร์บ่อยมาก ทำให้ผมเกิดความเบื่อหน่ายประเทศนี้จริงๆ ผมก็คิดว่านักท่องเที่ยวอื่นๆก็อาจจะคิดเหมือนผม(มั้ง) จนกระทั่งเค้าสร้างเจ้าตึก Marina Bay Sands นี้ขึ้นมา มันเป็นตึกสูง 52 ชั้น ด้วยโครงสร้างสถาปัตยกรรมของมันก็มีความดึงดูดสายตา เมื่อขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้ามันยิ่งทำให้ผมเกิดความรู้สึกใหม่ๆกับสิงคโปร์

ชั้นบนสุดของ Marina Bay Sands
ด้วยความที่เคยแต่เดินต๊อกแต๊กอยู่ที่พื้นราบ เราไม่เคยเห็นเลยว่า สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆอยู่ติดทะเลที่ปลายแหลมมลายู เคยเรียนมาแต่ไม่เคยรู้สึก พอได้มามองที่มุมสูงก็ได้เห็น ได้รับความรู้สึกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

Marina Bay Sands ทำให้เห็นทะเลปลายแหลมลายู
ผมได้เห็นนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ มาเดินกันขวักไขว่ที่นี่ บริษัทต่างๆพากันมาประชุม พาพนักงานมา update เทรนด์ที่เกิดขึ้นที่นี่กันอย่างมาก ตึก Marina Bay Sands เป็นสถาปัตยกรรมที่มาสร้างแบรนด์ของสิงคโปร์ให้แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ

Sydney Opera House
ขอเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายนะครับ เป็นเรื่องของ สถาปัตยกรรม อีกแห่งนึงที่มีผลต่อแบรนด์ของประเทศมากมาย Sydney Opera House
ประเทศออสเตรเลีย มีเมืองหลวงชื่อ กรุงแคนเบอร์ร่า แต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าเมือง Sydney และเมือง Melbourne ประเทศนี้ไม่มีสัญญลักษณ์อะไรมาก่อน นอกจากจิงโจ้ หมีโคอะล่า สัตว์แปลกๆ และชาวอะบอริจิ้น
เมือง Sydney และเมือง Melbourne เป็นเมืองทางทิศตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย เมืองทั้งสองเจริญและแข่งกันแย่งความสนใจจากคนทั้งโลกมาตลอดเวลา แต่ Melbourne มาแพ้ Sydney อย่างยับเยินก็ด้วยการที่ Sydney ตัดสินใจสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตยกรรม Sydney Opera House โครงสร้างสถาปัตยกรรมอันสุดแสนจะแหวกแนวของ Sydney Opera House ทำให้ภาพพจน์ของคนทั้งโลกที่มีต่อออสเตรเลีย”พุ่ง”มาที่ Sydney และ Sydney Opera House ทันที

Sydney Opera House
โครงสร้างสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัยและรูปทรงที่แปลกแหวกแนว ทำให้เมือง Sydney ได้รับภาพพจน์ว่าเป็นเมืองที่ทันสมัย แหวกแนว และ เปิดรับความคิดใหม่ๆมากกว่า Melbourne หากการแข่งขันระหว่าง Sydney และ Melbourne เป็นเหมือนการแข่งขันทางการตลาด Sydney Opera House ก็เป็นการสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตยกรรม และใช้ Sydney Opera House เป็นอาวุธทางการตลาดโจมตี Melbourne แล้วชนะขาดลอยไปเลย
และ Sydney Opera House ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอันนึงเลยสำหรับการสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตย์กรรมครับ
จนวันนี้ Sydney Opera House กลายมาเป็นสัญญลักษณ์อันนึงของประเทศออสเตรเลียไปแล้ว
————————————-
ระหว่างที่ผมเขียนบล็อกนี้ ผมก็มีมุมมองที่อยากจะสรุปอยู่สองมุม ไม่รู้จะเอามุมไหนดี ก็เอามุมนี้ก็แล้วกันครับ
1. ประเทศเราคงไม่มีโอกาสที่จะใช้การสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตยกรรมใหญ่ๆโตๆ (มั้ง) แต่ถ้าเรามีโอกาส เราก็มาช่วยกันผลักดันให้มันเจ๋งๆนะครับ เช่น หากเราจะมีรถไฟความเร็วสูง เราน่าจะมีสถานีจอดรายทางที่สวยงามน่าสนใจ มีหัวรถไฟที่สวยๆมีเอกลักษณ์ อันนี้เราช่วยๆกันผลักดันกันได้นะครับ เราจะได้ไม่ต้องพึ่งพาเพียงธรรมชาติอันสวยงามของเราเท่านั้น

ทะเลแหวก ความสวยงามตามธรรมชาติของไทย
2. หากใครมีธุรกิจน้อยใหญ่ที่ไหนก็ตาม ลองพิจารณาการใช้ การสร้างแบรนด์ด้วยสถาปัตยกรรมนะครับ หลายแห่งก็เริ่มทำเช่น ทำกังหันลม ทำชิงช้าสวรรค์ หรือ ทำรีสอร์ทให้กลายเป็นฟาร์มเลี้ยงแกะ การมีสถาปัตยกรรมแปลกๆสามารถ Put Your Business on Consumers’ Map ได้นะครับ ลองหาอะไรแปลกๆสร้างให้เกิดการจดจำครับ
————————————————
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับผม