
การรุกคืบของอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์
ก่อนสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นครอบครองประเทศแถบเอเชียทั่วไปหมด แรงที่ใช้ในการต่อต้านญี่ปุ่นส่วนนึงคือ คอมมิวนิสต์ ที่หนุนหลังการปลดแอกจากญี่ปุ่น
แต่เมื่อจบสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นหมดฤทธิ์ คอมมิวนิสต์เฟื่องฟูแทนและเริ่มกลืนเกาหลี ไล่ลงมาเวียตนาม ลงมาที่ลาว เขมร และ กำลังจะกลืน Indochina ทั้งหมด
สหรัฐอเมริกาที่เริ่มตื่นตัวมาตั้งแต่สงครามเกาหลี ว่า คอมมิวนิสต์ไม่ได้มีอิทธิพลเฉพาะในยุโรปตะวันออกซะแล้ว ทางเอเชียอาคเนย์ก็เป็นอีกด้านนึงที่คอมมิวนิสต์กำลังจะกินหมดแล้ว อเมริกาคิดว่า หาก จีน และ Indochina กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปหมด ญี่ปุ่นที่ค้าขายในแถบนี้ก็จะกลายเป็นพวกคอมมิวนิสต์ไปหมดด้วย อเมริกายอมไม่ได้เด็ดขาด
อเมริกาทำหลายอย่างไปทั่วโลกจนไม่รู้เรียกว่าอะไรดี เลยเรียกว่า สงครามเย็น รวมๆไปให้หมด รวมไปถึงโครงการอวกาศมากมาย
แต่สำหรับแถบเรานี้ อเมริกาเลยทำ 3 อย่าง (กว้างๆเท่าที่ผมจับได้ มีมากกว่านี้แน่นอนครับ)
1. แสนยานุภาพทางการทหาร : ส่งทหารเข้าไปรบใน เกาหลี เวียตนามเพื่อสกัดการรุกคืบของคอมมิวนิสต์ รวมถึงมีฐานทัพในไทย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น
2. สร้างคำนึงขึ้นมาคือ Domino Theory ซึ่งเข้าใจง่ายเห็นภาพและทำให้รัฐบาลสหรัฐใช้เป็นสิ่ง Propoganda ในแถบเอเชียอาคเนย์นี้ว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์จะกลืน มันจะล้มทีละตัวๆๆๆ จนถึงมลายูเลย
3. ความตื่นตัวและความวางใจ ในการปกครองตัวเองแบบ “ประชาธิปไตย” เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ความเป็นพวกอเมริกันและแรงกระตุ้นในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์
ผมเองเติบโตมาในสมัยนี้เลย ที่ได้รับการล้างสมองถึงความเลวร้ายสารพัดรูปแบบของลัทธิคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นสาระว่า พ่อแม่ลูกจะพรากจากกัน ศาสนาจะไม่มี ทุกคนทำงานให้รัฐบาลหมด อะไรต่างๆนานา และได้รับฟังเรื่องราวของเสรีชนอเมริกันอันสุดแสนจะเสรีในยุคปี 70 ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก
โอ้ ประชาธิปไตยนี้หนาช่างหอมหวานเสียนี่กระไร
จวบจนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 คนไทยสามารถต่อสู้เพื่อใช้ระบอบประชาธิปไตย ด้วยการขับไล่รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เราว่ากันว่าเป็นทรราชย์ โกงกินประเทศ และใช้เหตุนั้นมาเป็นต้นเหตุของการรวมตัวกันขับไล่จนกลายมาเป็นที่จดจำกันในชื่อของวันนั้นว่า “วันมหาวิปโยค”
หลังจากนั้นเราก็เข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง มีโฆษณาทีวีที่ออกมาทุกวันๆๆๆๆๆ เพื่อ”สอน“คนไทยถึงความหมายของ “ประชาธิปไตย“
จากวันนั้นมาถึงวันนี้ 41 ปีแล้วที่เรามี Paradigm ว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐสุด เราต้องยึดมั่นเป็นเข็มทิศแห่งชีวิตโดยที่เราไม่เคยฉุกคิดเลยว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศเราจริงๆ เราเรียกร้องหาประชาธิปไตยๆๆๆๆๆเพราะเราอยู่ใน Paradigm นี้หรือเปล่า และที่สำคัญคือ ใครสร้าง Paradigm ทางความคิดอันนี้ให้กับเรา
ผมเลยขอตั้งชื่อหัวข้อบล็อกนี้ว่า กระตุกคิด ชีวิตประชาธิปไตย

ภาพการ์ตูนล้อเลียนที่นำมุกนี้มาใช้อีกทีในปี 2550
อ้อ ก่อนจบบล็อก ในปี 2514-2518 มีคำพูดคำนึงที่ผมจำได้คือ “ประชาธิปไตยอยู่ในมือท่านแล้ว” เค้าทำสติ๊กเกอร์แปะไปทั่ว แต่ที่ขำที่สุดคือ เอาไปแปะไว้ที่โถฉี่ของห้องน้ำชาย “ประชาธิปไตยอยู่ในมือท่านแล้ว”
ประชาธิปไตยอยู่ในมือของพวกเราแล้ว จริงๆครับ