ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของโลกขยายตัว แม้หลายๆประเทศจะสูญเสียภาคการส่งออกไปให้กับจีน แต่โดยรวมๆแล้ว โลกก็ได้ประโยชน์มากจากการที่จีนเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างมาก แต่ การเจริญเติบโตที่ทำให้จีนก้าวมาเป็นยักษ์ทางเศรษฐกิจของโลกเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ทำให้ผู้นำของจีนมีความสุข เค้ามองเห็นเค้าลางของปัญหาในอนาคต เค้าต้องเปลี่ยนและจะไม่เดินอยู่บนเส้นทางที่นำความสำเร็จมาถึงวันนี้
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคำสอนของผู้บริหารสูงสุดของสิงห์ ที่บอกว่า “สิ่งที่นำความสำเร็จมาให้เราในวันนี้ อาจไม่ได้พาเราไปสู่ความสำเร็จในวันหน้า” เรามาดูกันครับว่าทำไม
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา โลกเราเจริญขึ้นเพราะจีนอย่างไร
บริษัทต่างๆทั่วโลกสร้างกำไรให้กับตนเองเพิ่มขึ้น ด้วยการหาทางเพิ่มกำไรด้วยการลดต้นทุนค่าแรง ด้วยการเอาไปให้คนจีนที่มีค่าแรงต่ำผลิต ผลิตเสร็จก็จ่ายค่าแรงนิดๆหน่อยๆให้คนจีน แต่ เอาสินค้าที่ตนคิดค้นนั้นไปขายทั่วโลกและได้กำไรมากกว่าที่ประเทศจีนได้เสียอีก เมื่อข้าวของถูกลงคนทั้งโลกก็ตื่นเต้นซื้อของกันใหญ่ เช่น ทีวีจอแบนวันนี้ ราคาถูกกว่าทีวียุคเก่าๆ เครื่องไฟฟ้าที่เคยมีราคาแพงก็ถูกลง ทำให้ความต้องการขยายไปทั่วโลกอีกหลายเท่า
อีกทั้งประเทศที่ขายวัตถุดิบเช่น ออสเตรเลีย รัสเซีย บราซิล อินเดีย อัฟริกา ก็ได้ขายทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นวัตถุดิบไปให้กับจีนเพื่อเอาไปทำสินค้าขายไปทั่วโลก คนจีนได้ค่าแรง บริษัทได้ตลาดที่ขยายตัวมหาศาลและได้กำไรบานเบอะ ประเทศที่ค้าขายวัตถุดิบก็ร่ำรวยจากการขายทรัพยากร
จีนเปิดประเทศให้คน 1400 ล้านคนกลายเป็นตลาดแรงงานของโลก โลกทั้งใบดูเหมือนจะมีความสุข แล้วมันมีปัญหาอย่างไรล่ะ
รัฐบาลจีนเริ่มคิดแล้วว่า แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
- มันไม่น่าจะดีนะที่เงินทองของประเทศขึ้นอยู่กับ “ความต้องการของสินค้าของคนประเทศอื่นๆ“
- มันไม่น่าจะดีนะที่เศรษฐกิจของประเทศเกิดจากการที่ “คนจีนได้ค่าแรงต่ำๆ“
- มันไม่น่าจะดีนะที่เศรษฐกิจของประเทศต้องแลกมาด้วย “สภาวะสิ่งแวดล้อมที่มีแต่โรงงานอุตสาหกรรมไปทั่ว“
- มันไม่น่าจะดีนะที่เศรษฐกิจของประเทศต้องมาจากการ “ผลิตของที่คนอื่นคิดมาไปวันๆ“
รัฐบาลจีนเริ่มคิดอะไร ก่อนที่จะเข้าใจว่ารัฐบาลจีนคิดอย่างไร ผมอยากให้เข้าใจพื้นฐานของคำว่า GDP ก่อนนะครับ
GDP คือค่ามวลรวมประชาชาติ คือค่าที่เราใช้วัดการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ค่า GDP เกิดจากการนำเอามูลค่ารวมของ การจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ มารวมกับมูลค่าการลงทุน มารวมกับงบใช้จ่ายจากภาครัฐบาล มารวมกับยอดการส่งออก แล้วหักยอดการนำเข้าออกไป ดูตามสมการข้างล่างนี้ก็ได้นะครับ
(Consumption goods and services (C) + Gross Investments (I) + Government Purchases (G) + (Exports (X) – Imports (M)) GDP = C + I + G + (X-M)
ทีนี้ ที่ผ่านมาเนี่ย ประเทศจีนมี GDP ที่มีสัดส่วนมาจาก I และ X เป็นจำนวนมาก และมีสัดส่วน GDP มาจากตัว C หรือการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศเพียงนิดเดียวเอง ยกตัวอย่างปัจจุบันจีนมี GDP จากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพียงราว 35% หากเทียบกับประเทศอเมริกา GDP ของเค้ามีอัตราส่วนจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนถึง 70% นั่นหมายความว่า จีนพึ่งพาการส่งออกให้คนอื่นมีเงินมีทองมากเกินกว่าที่จะทำให้คนในประเทศจีนมีเงินมีทองเสียเอง ในขณะที่อเมริกาหาทางให้คนในประเทศมีเงินจับจ่ายใช้สอย
อ้าวแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว วันๆฉันจะมานั่งเสียสละสร้างความสุขให้คนทั้งโลกโดยเอาคนในประเทศของฉันมาเหนื่อยแบบนี้ แถมถ้าหากวันหนึ่งวันใดพวกประเทศต่างๆจะมารวมหัวกดดันจีนก็แค่ทำ Sanction ไม่ซื้อสินค้าจากจีน จีนก็จะลำบาก อย่ากระนั้นเลยเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจดีกว่า
ก่อนที่จะไปไกลตัว ก็อยากจะเล่าว่า ประเทศไทยของเรา GDP ก็ขึ้นอยู่กับการส่งออกมาก ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ค่าเงินดอลล่าร์ตก ประเทศเราก็ย่ำแย่ไปด้วย เมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำไม่มีใครสั่งสินค้าของเรา ไทยเราก็แย่ไปด้วย แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร เพราะก่อนหน้านั้นเราเองต้องยชขยายเศรษฐกิจของเรา เราต้องการเงินลงทุนจากต่างชาติมาสร้างงานในประเทศของเรา เราอยากหนีจากการพึ่งพาภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรม เราจึงต้องส่งออก ตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในสภาวะเดียวกับจีนเลยครับ
ทีนี้ เมื่อจีนเปลี่ยนนโยบายให้กลายมาเป็นรูปแบบที่เรียกว่า Consumer-Drive Economy หน้าตามันจะเป็นยังไง หน้าตามันจะเป็นอย่างนี้ครับ คนจีนจะต้องมีเงินมีทองมากขึ้นด้วยการผลิตและบริการกันเอง ปัจจุบันคนรวยของจีนมาจากการเป็นเจ้าของโรงงานส่งสินค้าออก แต่ต่อไป คนจีนจะต้องรวยจากการ เปิดโรงหนัง เปิดร้านอาหาร เปิดศูนย์การค้า ผลิตข้าวของ เสื้อผ้า ขายเครื่องไฟฟ้าของจีนให้คนจีนด้วยกัน (เงินทองต้องมีพร้อมให้คนจีนลงทุน และ เกิดการจ้างงาน และ เกิดการซื้อสินค้าและบริการ ซื้อกันเองขายกันเอง เงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ)
ตอนนี้จีนมีเงินเก็บในประเทศมหาศาล มีทองคำมหาศาล มีเงินเก็บในรูปตราสารหนี้ในสหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล เค้าพร้อมที่จะเอามาปล่อยกู้ให้คนในประเทศ (เหมือนคนไทยสร้างรีสอร์ท เปิดร้านอาหาร ให้คนไทยมาเที่ยวกันเอง เงินหมุนเวียนในประเทศมากๆ) เมื่อเป็นแบบนี้ ประเทศจีนจะพอใจมาก แต่ทว่า ประเทศอื่นๆคงไม่ชอบล่ะครับ ทำไมเค้าจะไม่ชอบล่ะ
- สินค้าที่เคยมีคนงานแรงงานถูกให้ทำ ก็จะไม่มีแล้ว ต้องไปหาที่ใหม่ๆ บริษัทห้างร้านทั่วโลกจะต้องปรับตัวหาที่ทำโรงงานใหม่
- ประเทศที่เคยส่งทรัพยากรธรรมชาติไปให้จีน ก็ไม่รู้จะส่งไปไหนแล้วเพราะจีนไม่ต้องนำเข้าเพื่อการผลิตแบบที่เคยเป็น
แบบนี้วุ่นวายไปทั่วโลกสิครับ
นี่คือสาเหตุนึงที่ประเทศจีนเริ่มประกาศว่า ให้ครอบครัวมีลูกมากกว่า 1 คนได้แล้ว เพราะเค้าจำเป็นที่จะต้องขยายความต้องการภายในประเทศของเค้าให้ขยายฐาน และ เพิ่มจำนวนแรงงานให้เพียงพอต่อการสร้างงานสร้างบริการให้กันเองในอนาคต สัญญาณนึงที่สำคัญและจะเป็นกลไกผลักดันให้จีนบรรลุเป้าหมายนี้ที่ต้องการคือ การเกิดและการเจริญเติบโตของ Alibaba ธุรกิจ E Commerce ของจีนที่กำลังผลักดันการค้าขาย การผลิต การซื้อของกันเองในประเทศให้เฟื่องฟู
เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงค่าเงินดอลล่าร์ และ อื่นๆอีกมากมายไปทั้งโลกครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นพื้นฐานให้ท่านนำไปต่อยอดขยายผลเรื่องอื่นต่อไปนะครับ