AI หรือ Artificial Intelligence น่ากลัวจริงๆเหรอ

คิดล้ำหน้ายุค Ai ด้วยการคิดย้อนหลัง

-หลายพันปีก่อน มนุษย์รวมตัวกันทำเกษตรกรรม

-ห้าร้อยปีก่อน มนุษย์ย้ายงานจากภาคเกษตรกรรมมาทำอุตสาหกรรมไม่หนัก ทำเสื้อผ้า ถ้วยชาม เครื่องมือ มีด ดาบ ใช้คนจำนวนมาก

-สองร้อยปีก่อน เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องจักรไอน้ำถูกนำเข้ามาใช้ทดแทนแรงงาน ผู้คนหวั่นวิตกว่าจะต้องตกงานกันเพราะเครื่องจักรทำงานเร็วกว่า แต่ กลับกลายเป็นว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆมากมาย รถไฟ อุตสาหกรรมเหล็ก เคมีภัณฑ์ ผู้คนจำนวนมากมีงานทำเพิ่ม มากกว่าที่ตำแหน่งงานที่โดนทดแทน

-30 ปีกว่าก่อน ตู้เอทีเอ็มถูกนำเข้ามาริเริ่มใช้ในประเทศไทย คนคิดว่า อีกหน่อยพนักงานธนาคารจะตกงาน แต่ ตู้เอทีเอ็มช่วยให้เศรษฐกิจยุคก่อนดิจิตอลส่งเงินจากกรุงเทพไปได้ทั่วประเทศ สร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เกิดร้านรวงมากมาย ธนาคารกลับขยายสาขามากมาย จ้างคนมหาศาล แค่พนักงานเติมเงิน ดูแลระบบ บำรุงรักษาตู้เอทีเอ็ม ก็เยอะแยะแล้ว

-ต่อมา 25 ปีก่อน เป็นยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเริ่มบูม ผู้คนกังวลว่า อีกหน่อยเสมียน พนักงานพิมพ์ดีด นักบัญชี จะต้องตกงาน แต่ ที่ไหนได้ เกิดความต้องการคนเพิ่มจำนวนมาก บริษัทลดพนักงานพิมพ์ดีดลง แต่ ต้องจ้างทีมงาน IT ที่มีจำนวนมากกว่าตำแหน่งงานที่โดนทดแทน

-ตอนอีเมล์เฟื่องฟู ผู้คนคิดว่า ไปรษณีย์ไทยจะต้องปลดพนักงาน รายได้จากแสตมป์จะต้องหดไป ระบบ SMS เข้ามาทำให้หน่วยโทรเลขของไปรษณีย์ไทยต้องปิดตัวลง แต่ อินเตอร์เนทกลับนำระบบการสั่งซื้อของออนไลน์ที่ต้องการคนจัดส่งมากมาย มากจนไปรษณีย์ไทยทำงานไม่ทัน บริษัทต่างๆแย่งกันเข้ามาเปิดธุรกิจ จ้างงานตำแหน่งบุรุษไปรษณีย์ แต่เรียกให้โก้ว่า delivery man

วันนี้ ผู้คนยังกังวลกับคำถามเดิมๆ ว่า Ai จะทำให้คนตกงานมากมาย แต่ถ้าเรามองบทเรียนในอดีต เราจะพบว่า สิ่งใหม่ๆที่เข้ามา มักจะล้างของเก่าบางอย่างออกไป แล้ว เติมของใหม่ที่มากกว่า มีคุณค่ามากกว่าเข้ามาทดแทนเสมอ

Ai เข้ามาทดแทนคนแน่ๆ แต่ Ai จะนำสิ่งใหม่ๆเข้ามาสร้างความต้องการในแรงงานแรงสมองของคนมากกว่าเดิมอีก ว่าแต่ว่า สิ่งใหม่ที่ว่านั้นมันจะเป็นอะไรเท่านั้น ไม่มีใครต้องตกงานเพราะ Ai แต่เราจะย้ายไปทำสิ่งอื่น

มนุษย์เคยทำงานไม่มีวันหยุดในภาคเกษตรกรรม แต่ต่อมา 40 ปีก่อนบริษัทเอกชนจำนวนมากทำงานจันทร์-เสาร์ และ 30 ปีต่อมา มีแบบทำงาน 6 (วันจันทร์-เสาร์) กับแบบ 5 (จันทร์-ศุกร์) สลับสัปดาห์กัน และ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทน้อยนักที่จะทำงานวันเสาร์

จากการทำงาน 7 วัน เหลือ 6 วัน เหลือ 5 วัน

ว่ากันว่า เราจะลดเวลาทำงานเหลือ 4 วัน ถ้าดูตามเทรนด์นี้ มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน การหยุด 3 วันต่อสัปดาห์ จะทำให้เราท่องเที่ยวมากขึ้น ทำงานอดิเรกมากขึ้น มีกิจการเล็กๆที่พอใจ ของเล่น ที่ท่องเที่ยว จะบูม ซึ่งจะขยายเศรษฐกิจออกไปอีก

แค่คิดว่า ทุกสัปดาห์มี Long Weekend ก็น่าตื่นเต้นแล้ว

โลกเราน่าสนุกดี

Trachoo.com
This entry was posted in From my experiences, From My Facebook, Marketing and Branding, Technology and Gadget and tagged , . Bookmark the permalink.
%d bloggers like this: